24.12.12

เรียนรู้ผ่านสมาร์ทโฟน

              สมาร์ทโฟน เป็นโทรศัพท์มือถือ ที่มีความสามารถเพิ่มเติมนอกเหนือจากโทรศัพท์มือถือทั่วไป อาทิเช่น การใช้งานหลายๆอย่างพร้อมกัน การตัดต่อวิดีโอ การพิมพ์งาน ส่งเมล์หรือแม้แต่ทำเป็น Wi-fi hotspot ก็ยังทำได้ เรียกว่าความสามารถมีมากมายไม่สิ้นสุด เปรียบเสมือนเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ โดยที่ภายในก็ยังมีส่วนประกอบคล้ายกับคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น หน่วยประมวลผลกลางหรือ CPU หน่วยประมวลกราฟฟิคหรือGPU
ที่มา : http://www.techmoblog.com
สมาร์ทโฟนจึงถูกมองว่าเป็นคอมพิวเตอร์พกพาที่ทำงานในลักษณะของโทรศัพท์มือถือ โดยที่สามารถเชื่อมต่อความสามารถหลักของโทรศัพท์มือถือ เข้าร่วมกับแอพพลิเคชันของโทรศัพท์เอง 


ซึ่งความสามารถต่างๆนี้เอง ที่จะนำมาช่วยให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพขึ้น ไม่ว่าจะด้วยตัวอุปกรณ์เองหรือแม้แต่ตัวแอพลิเคชั่นเอง ที่มีความสามารถมาให้อย่างหลากหลาย แต่ข้อจำกัดของสมาร์ทโฟนก็มีไม่น้อยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของราคาที่ถือว่า ในปัจจุบันยังสูงอยู่ และยากต่อการควบคุม เพราะเพียงปลายนิ้วเด็กก็สามารถหลุดออกจากวงจำกัดได้ ฉะนั้นก็ยังต้องมีผู้ใหญ่ให้คำแนะนำควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด



14.12.12

วิเคราะห์สื่อการสอนของตนเอง

     คำอธิบายรายวิชา
รายวิชา อาหารไทย จัดอยู่ในกลุ่มการงานอาชีพและเทคโนโลยี  เป็นรายวิชาที่มีจุดประสงค์หลักเพื่อให้นักเรียนได้มีความรู้ ความเข้าใจ และมีทักษะในการทำอาหาร เพื่อทำรับประทานในครอบครัว ทำอาหารไทยจำหน่ายด้วยเห็นคุณค่า โดยสามารถปฏิบัติงานได้ตามกระบวนการทำงาน ทำงานด้วยความรับผิดชอบ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด และมุ่งมั่น อดทนในการทำงาน ใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมในการทำงานอย่างคุ้มค่า และถูกวิธีใช้แนวคิดใหม่ ๆ ในการทำงาน นำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงาน ทำงานอย่างมีความสุข ผลงานมีคุณภาพ มีการประเมินผลการทำงาน และปรับปรุงงาน
            ในการศึกษาและการทำงาน ผู้เรียนจะต้องได้รับการฝึกฝนตามกระบวนการเรียนรู้ของกลุ่มการงานอาชีพและเทคโนโลยีดังนี้
1.      ความหมายของงาน
2.      ความสำคัญและประโยชน์ของงาน
3.      มีทฤษฎีสนับสนุนหลักการของงาน
4.      วิธีการและขั้นตอนของการทำงาน
5.      กระบวนการทำงาน การจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ และแนวในการประกอบอาชีพ
6.      การนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการทำงานการสร้างและพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือการ          หาวิธีการใหม่ๆ
7.      คุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมในการทำงานและประกอบอาชีพ

เพื่อให้ผู้เรียนทำงานบนพื้นฐานของความเข้าใจ  ความหมาย  ความสำคัญ และประโยชน์
วิธีการ และขั้นตอนการทำงาน ที่รับผิดชอบ การจัดการและการใช้เทคโนโลยี  ตลอดจนการปลูกฝังนิสัยรักการทำงานและปฏิบัติได้ด้วยตนเอง

และความสำคัญก็เพราะ อาหารเป็นปัจจัยหนึ่ง ในปัจจัย 4 ที่สำคัญมาก ต่อการดำรงชีวิต ฉะนั้นผมจึงคิดว่าทุกคน ควรที่จะทำอาหารเป็น ไม่ต้องถึงกับเก่ง แต่ต้องทำแล้วรับประทานได้ ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ผมจึงคิดทำสื่อในการเรียนการสอน ในลักษณะสื่อสิ่งพิมพ์ ในเรื่อง "Basic Cooking" หรือความรู้พื้นฐานในการทำอาหาร ที่ทุกคนสามารถเรียนรู้และเข้าใจได้ด้วยตนเอง โดยเนื้อหาในการเรียนรู้นั้น จะจัดอยู่ในรายวิชาการงานพื้นฐานอาชีพและเทคโนโลยี ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ซึ่งเป็นวัยที่มีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะใช้ของมีคมหรือการใช้เตาแก๊ส และหากผู้เรียนชอบก็สามารถที่จะตัดสินใจต่อยอดไปยังสายอาชีพ ในระดับชั้นต่อไปได้ ซึ่งจะมีเนื้อหาเกี่ยวการเตรียมอาหาร การเลือกซื้อวัตถุดิบ การโภชนาการและอื่นๆ

             โดยสื่อชิ้นนี้จะนำเสนอในรูปแบบ Linear Program คือ หลักการออกแบบบทเรียนเส้นตรง โดยจะเป็นไปตามลำดับขั้นความยากขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งก็จะมี เนื้อหา รูปภาพ และคำถามเพื่อวัดความเข้าใจหรือวัดประเมินผล เพื่อแสดงให้เห็นถึงผลตอบกลับ ที่ผู้เรียนจะทราบได้ด้วยตนเอง




2.11.12

ความหลัง...ในความทรงจำ

---รับน้องมัธยม---
สวัสดีครับ ในเรื่องราวที่จะเขียนต่อไปนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่ ความสามารถไม่โดดเด่น หน้าตาไม่ดี บางคนจึงเกิดคำถามว่าคนคนนี้มีดีอะไรบ้าง ผมก็ขอตอบอย่างเต็มปากว่าไม่รู้สิ อยากรู้ก็ต้องคบกัน อยากรู้ต้องลองคุยกัน เพราะผมคิดว่าการที่จะมาพูดว่าเราเป็นคนอย่างนี้นะ มันไม่ค่อยจะจริงเท่าไหร่ เพราะเวลาเราคุยกับใครก็ตามเราก็จะแสดงด้านๆหนึ่งออกไป ให้เหมาะกับคนคนนั้นเพราะแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน จริงมั๊ยครับ
--ปลูกป่าทำความดี(กับเขาบ้าง)--

เริ่มเลยแล้วกัน ขอแนะตัวก่อนผมชื่อว่าก้องภพ ซึ่งเป็นชื่อที่สอง ความหมายก็ตามตัวเลยครับ มีชื่อเสียงแต่ถามว่าเปลี่ยนชื่อมาแล้วแล้วมีชื่อเสียงมั๊ย ไม่นะ ก็ปกติตั้งแล้วก็ไม่เห็นจะได้เป็นดาราเลย แต่มันก็มีดีอยู่หลายอย่างเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังครับ ต่อไปก็คือชื่อเล่น ก็คือ ปอนด์ ความหมาย ไม่ได้ถามพ่อแม่ แต่รู้ว่าที่บ้านชื่อ ป. หมดทั้งบ้าน นามสกุลจรูญพงศ์ เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ..2535 ปีวอก เกิดที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี แน่นอนภูมิลำเนาต้องอยู่ที่นั่น มีพี่น้อง 2 คนรวมตัวเองด้วย ผมเป็นน้องคนสุดท้อง ที่อาจจะพูดได้ว่าเอาแต่ใจ ขี้แย ขี้อ้อน ก็ตามประสานะครับ ลูกคนเล็ก พ่อก็รับราชการเป็นตำรวจ แม่ก็ทำงานในบริษัทเอกชนเป็นสมุห์บัญชี
--ไปเชียร์บอลกับครอบครัว แต่ขาดพี่เพราะพี่อยู่ในสนาม^^---

 กลับมาเล่าเรื่องของผมดีกว่า ตอนเด็กผมก็จบระดับชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนมานิตานุเคราะห์ด้วยความที่ตอนนั้นเป็นเด็กที่ขี้เกียจมากกก จนแม่บ่น การเรียนก็ย่ำแย่ แถมตอนสอบเข้าระดับมัธยมก็สอบไม่ได้โรงเรียนที่หวังอีก ตอนนั้นเสียใจมากร้องไห้สองวันสามคืน ไม่จริงหรอกครับ ชั่วโมงเดียวร้องแล้วก็หลับไป แม่ก็บ่นให้ฟังเป็นระยะ ว่า เนี่ยไม่ตั้งใจเรียนก็เลยเป็นอย่างนี้ แล้วแม่ก็ไม่มีเงินฝากให้หรอกนะ ไปเรียนแถวบ้านแล้วกันผมก็เลยได้ไปเรียนระดับมัธยมที่โรงเรียนเมืองสุราษฎร์ธานี ซึ่งในตอนนั้นได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนที่เด็กเกเรรวมตัวกัน เอาแล้วไงหละสกลรัฐนายจะเจออะไรบ้าง สกลรัฐ? ใช่ครับ ชื่อแรก ในตอนนั้นผมไม่อยากที่ใจไปโรงเรียนนี้เลย แต่ก็ต้องไป ก็เลยให้กำลังใจตัวเอง เอาวะ เป็นไงเป็นกัน พอได้เรียนไปซักพัก ไม่เลวเลย รู้สึกตรงกันข้ามกับที่ได้ยินมา แถมยังมีเพื่อนที่ดีอีก และรักกันมากด้วย ในช่วงเวลานั้นรู้สึกสนุกที่สุด และก็ตั้งใจว่าจะต่อมัธยมปลายที่นี่ จนกระทั่ง โรงเรียนที่เคยหวังไว้ประกาศรับสมัครห้องโครงการศิลปศาสตร์… “ลูกโรงเรียนจังหวัดเค้าเปิดรับสมัครหนิ ด้านภาษาด้วย ลูกชอบหนิ ลองไปสมัครดูมั๊ย” “ไม่อ่ะแม่ ปอนด์จะต่อที่เดิม อีกอย่างปอนด์ทำข้อสอบไม่ได้หรอก” “ลองดูก็ไม่เห็นเป็นไรหนิ” “แต่…” “เชื่อแม่ผมจึงลองไปสมัครสอบดู ในใจผมคือไม่อยากไป ต้องเริ่มหาเพื่อนใหม่ ต้องปรับตัวใหม่ วุ่นวาย น่าเบื่อ อีกอย่างคือ จะทำได้หรอวะ คำถามพวกนี้ออกมาเป็นร้อยคำถามในหัวผม
--กับเพื่อนๆวัยละอ่อน--

วันสอบผมก็ได้รับพรจากคุณแม่แต่เช้า ตั้งแต่ตื่นสาย ไม่เตรียมอุปกรณ์เครื่องเขียน และอีกมากมาย แต่สายตาคู่นั้นก็เป็นสายตาที่หวังดี นึกแล้วอยากขอบคุณ คุณแม่มากกก ใช่ครับผมสอบติด ผมรู้ข่าวจากแม่ในขณะที่ผมอาบน้ำอยู่ แม่โทรเข้ามา คุณตาก็เอาโทรศัพท์มาให้แล้วบอกว่าผมสอบติดตอนนั้นผมมีหลายอารมณ์มากทั้งดีใจ ทั้งงง ทั้งอึ้ง แล้วก็เสียใจ แล้วก็เริ่มเครียดว่าทำไงดี เราต้องเจอสังคมใหม่ๆ เราจะปรับตัวได้มั๊ย แล้วเพื่อนหละ ผมก็โทรไปคุยกับเพื่อน เพื่อนก็ใส่เลย ไอ้ทรยท แต่คำด่านั้นตามมาด้วยเสียงหัวเราะ แล้วก็บอกว่าดีใจด้วย อย่าลืมติดต่อกันมาบ้าง และที่สำคัญได้ข่าวว่าที่โรงเรียนนั้นมีสวยๆเยอะ แนะนำกันบ้างหละ แล้วเพื่อนก็นัดผมไปเลี้ยงหมูกระทะ ผมก็รู้สึกดีมากที่เพื่อนก็เข้าใจ ก็ทำให้ผมหมดห่วงไปหนึ่งละ ต่อมาก็คือการปรับตัวกับโรงเรียนใหม่นั่นก็คือโรงเรียนสุราษฎร์ธานี โรงเรียนที่มีชื่อที่สุดในจังหวัด โรงเรียนที่เค้าบอกว่ามีแต่เด็กเห็นแก่ตัว เอาแต่เรียน เอาแล้วไงหละ ก้องภพนายจะทำได้มั๊ย ใช่ครับผมเปลี่ยนชื่อก่อนจะสอบเข้าที่นี่ ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าดีหลังจากการเปลี่ยนชื่อ พอผมได้เรียนผมก็ได้เจอเพื่อนใหม่ สังคมเปลี่ยนไปมั๊ย ก็ไม่นะ ก็คล้ายกับโรงเรียนเก่า ไม่เห็นเหมือนอย่างที่เค้าว่ากัน การปรับตัวช่วงแรกก็เซงๆ หลังก็ดีขึ้น เพราะแค่มีเพื่อนที่สนิทเท่านี้ผมก็อยู่ได้แล้วครับ และแล้วก้ต้องถึงช่วงเวลาสำคัญที่นักเรียน ม.6 ต้องเจอคือการต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในใจของผมอยากที่จะทำงานบนเครื่องบิน ในตอนแรกผมอยากจะเป็นนักบิน แต่ด้วยความที่เรียนสายศิลป์มาจึงไม่สามารถสอบได้ ก็มีอีกทางเลือกหนึ่งคือ สจ๊วตนั่นเอง ผมตั้งใจมากจึงได้ลองค้นหาก็เจอมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิตศูนย์หัวหิน ซึ่งจะเป็นการเรียนด้านนี้โดยตรง ด้วยสโลแกนที่ว่า ปั้นดินให้บินได้ ผมก็ไปสมัครและสอบดู …. ไม่ผ่านครับ ผมอ้วนมาก แต่ผมได้อีกโครงการหนึ่งแทนก็คือ ได้ไปเรียนที่ประเทศจีน ซึ่งผมก็จบศิลป์ภาษาจีนมา มันก็ตรงมาก และแม่ก็สนับสนุน อาจารย์ก็นัดวันรายงานตัว หลังจากนั้นผมก็มานั่งคิดว่ามันใช่ทางของเรารึป่าว แล้วผมก็คิดได้ว่าผมก็มีอีกความฝันหนึ่งคือการได้ทำงานในวงการบันเทิง อันดับหนึ่งที่ผมนึกได้คือ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วคำว่า โหหหหห ก็ตามเข้ามาในหัวผม เพราะเป็นสิ่งที่คนส่วนมากฝัน คะแนนเลยสูงมากกกก แต่ก็ลองไปสอบตรงดู ผลงานก็ไม่มี ผลสอบออกมา หัวเราะ ห้าห้าห้า น่ารัก แล้วก็มาคิดใหม่จนกระทั่งมหาวิทยลัยศรีนครินทรวิโรฒ เปิดสอบตรงผมก็ลองมาเลือกคณะดูแม่ก็หยิบบัญชีมาให้ เราก็หยิบครูเทคโนแล้วก็เลือก ก็คิดไปคิดมา ก็เลยจับฉลากติดเป็น ครูเทคโน อื้มเอาวะลองไปสอบดู คณะนี้โอเคนะ มศว ก็ต้องครูสิ เทคโนโลยีสื่อสารการศึกษา สายนิเทศสินะ ก็ชอบด้วยแถมได้วุฒิครูอีก เราก็เป็นครูได้ ตอนเด็กๆ เด็กมากๆเราก็อยากเป็นครูหนิ ลองดูละกันก็ลองไปสอบ ก่อนสอบผมก็อ่านหนังสือ ตั้งใจมาก เพราะมีหลายบทเรียนอย่างเล่ามาในตอนแรก ผลออกมาก็เป็นไปตามหวังครับ ผมสอบติด ดีใจมากถึงกับร้องไห้หน้าคอมพิวเตอร์กันสองคนแม่ลูก แล้วแม่ก็ถามว่า แล้วจีนหละ ผมก็เลยบอกว่าลองไปสอบสัมภาษณ์ดูก่อน และวันสอบสัมภาษณ์ก็มาถึงซึ่งตรงกับวันเกิดของผม ผมจำไม่ได้ว่าอาจารย์ถามอะไรผมบ้าง จำได้เพียงว่าวันนี้เป็นวันเกิดของผม ผมขอเป็นของขวัญวันเกิดได้มั๊ย แล้วผมก็ได้ของขวัญนั้นครับ ซึ่งวันที่สัมภาษณ์ผมก็ตัดสินใจได้ครับว่าผมจะเลือกที่ไหน เพราะผมได้เห็นมหาลัย ผมรู้สึกว้าววว มันใช่เลย
---เช็คยอด---

ซึ่งปัจจุบันผมก็ได้เรียนที่นี่ครับ คณะศึกษาศาสตร์ เอกเทคโนโลยีสื่อสารการศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยที่เจริญเป็นศรีสง่าแก่มหานคร ภูมิใจมาก และตอนนี้ก็อยู่ชั้นปี 2 แล้วครับ เป็นยังไงบ้างครับประวัติผม ผมว่าการที่ผมได้มาเล่าประวัติทำให้ผมได้เห็นได้ย้อนกลับไปมองถึงสังคมที่มีหลากหลายรูปแบบ ทำให้เราปรับตัวได้และอยู่เป็น เมื่อเราไปเจอสังคมใหม่ๆเราก็เหมือนมีภูมิคุ้มกันคอยบอกเราว่าเราควรวางตัวยังไง ทำให้เราอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ใช่มั๊ยหละครับ

29.3.12

สรุปข้อมูการตอบแบบสอบถามทาง Google Docs

สามารถเข้าไปตอบแบบสอบถามได้ที่ มหาวิทยาลัยไกลบ้าน



ตอนที่ 1 : ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อ-นามสกุล
ปันเมย์ซีณิชกานต์ สัจกุลญาณิศา เจริญรื่นแจปวิน พลอยสุพจี ไชยรัตน์ทรงสุพา พาสนิลบิวธวชินี หนูแสงแจ๊ค - แชมป์BMกาญจนา ชมภูทิพย์ริวหยกคุณบอลเยสโด้ตาล อินดี้จ๊ะxเมนี่สวย
เพศ
ชาย625%
หญิง1771%
Other14%
อายุ
18-20 ปี2396%
21-23 ปี00%
24-26 ปี14%
27-29 ปี00%
30-32 ปี00%
ภูมิลำเนาเดิมอยู่ในจังหวัดใด
สุราษฎร์ธานีสุราษฏร์ธานีสุราษฎร์ธานีสงขลาสุราษฏร์ธานีสุราษฎร์ธานีสุราษฎร์ธานีสุราษฎร์ธานีสุราษฎร์ธานีสุราษฎร์ธานีสุราษฎร์ธานีสุราษฎร์ธานีชัยภูมิลพบุรีสุราษฎร์ธานีเพชรบูรณ์สุราษฎร์ธานีเบอร์มิ่งแฮม ซิ...
ปัจจุบันเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยใด
มศว องครักษ์มธ. ศูนย์รังสิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ศิลปากร วังท่าพระธรรมศาสตร์ รังสิตมศวเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสนมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศ...

ตอนที่ 2 : แบบสอบถาม

หากมีวันหยุด 3 วัน คุณจะกลับบ้านหรือไม่
กลับบ้าน833%
ไม่กลับบ้าน1667%
หากคุณไม่ได้กลับบ้านในวันหยุด คุณจะทำอะไร
อ่านหนังสือ1146%
นอนให้เต็มที่1667%
ดูหนัง1250%
ทำการบ้าน1458%
เล่นอินเตอเน็ต1875%
นัดสังสรรค์กับเพื่อนๆ1458%
Other417%
ผู้ใช้สามารถเลือกช่องทำเครื่องหมายมากกว่าหนึ่งช่อง ดังนั้นเปอร์เซ็นต์อาจรวมกันได้เกิน 100%
ระดับความเป็นไปได้ของข้อมูลต่อไปนี้ - ฉันโทรหาพ่อแม่ทุกวัน
จริงที่สุด1146%
จริง417%
ค่อนข้างจริง625%
ไม่จริงเลย313%
ระดับความเป็นไปได้ของข้อมูลต่อไปนี้ - แม้มีวันหยุดเพียงวันเดียวฉันก็กลับบ้าน
จริงที่สุด14%
จริง28%
ค่อนข้างจริง28%
ไม่จริงเลย1979%
ระดับความเป็นไปได้ของข้อมูลต่อไปนี้ - ฉันจะกลับบ้านก็ต่อเมื่อมีวันหยุดมากกว่า 3 วันขึ้นไป
จริงที่สุด625%
จริง1042%
ค่อนข้างจริง521%
ไม่จริงเลย313%
ระดับความเป็นไปได้ของข้อมูลต่อไปนี้ - พ่อแม่มาหาฉันเดือนละ 2 ครั้ง
จริงที่สุด00%
จริง14%
ค่อนข้างจริง625%
ไม่จริงเลย1667%
ระดับความเป็นไปได้ของข้อมูลต่อไปนี้ - ฉันไม่อยากกลับบ้านเพราะรู้สึกว่า อยู่บ้านไร้ซึ่งความอิสระ
จริงที่สุด28%
จริง28%
ค่อนข้างจริง28%
ไม่จริงเลย1875%
ระดับความเป็นไปได้ของข้อมูลต่อไปนี้ - ฉันไม่อยากอยู่ที่มหาลัยเลยเพราะรู้สึกมีแต่เรื่องกดดัน
จริงที่สุด417%
จริง313%
ค่อนข้างจริง417%
ไม่จริงเลย1354%
ระดับความเป็นไปได้ของข้อมูลต่อไปนี้ - ฉันอยากกลับบ้านจนบางครั้งฉันร้องไห้ออกมา
จริงที่สุด14%
จริง14%
ค่อนข้างจริง1354%
ไม่จริงเลย938%
ระดับความเป็นไปได้ของข้อมูลต่อไปนี้ - ฉันว่า ฉันเป็นโฮมซิกแล้วหละ
จริงที่สุด28%
จริง313%
ค่อนข้างจริง625%
ไม่จริงเลย1354%
คุณรู้สึกคิดถึงบ้านบ่อยแค่ไหน
ไม่เคยประจำ
1 -
ไม่เคย
14%
214%
31042%
4521%
5 -
ประจำ
729%
ความรู้สึกที่ได้มาเรียนนอกเขตภูมิลำเนาของตนเอง
       ได้ประสบการณ์แปลกใหม่ในต่างถิ่นคิดถึงบ้าน พ่อ แม่ น้อง ย่า ป้า ลุง ญาติ พี่น้อง แต่บางครั้งก็รู้สึกดีที่ได้อยู่ห่างจากบ้านได้ทำสิ่งที่ไม่เคยทำเหมือนตอนอยู่บ้าน แต่บางครั้งก็อยากกลับบ้านบ้าง คิดถึงเพื่อน^__^ฝึกการใช้ชีวิต ได้ช่วยเหลือตัวเองถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีหนื่อย ต้องเจออะไรมากมายทำให้ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตด้วยตัวเอง รู้จักรับผิดชอบตัวเองและสิ่งต่างๆมากขึ้นค่ะเป็นหน้าที่ที่ราจะต้องทำ เราจำป็นต้องออกมาศึกษานอกภูมิลำเนาเพื่อให้ได้ความรู้ เพื่อที่ในภายภาคหน้าจะได้ใช้ในการประกอบอาชีพ ในบางครั้งรู้สึกคิดถึงบ้าน แต่แค่เพียงโทรหาพ่อเเม่ ก็ทำให้มีกำลังใจที่จะศึกษาต่อ แม้ว่าจะอยู่ไกลบ้านก็ตาม...

จำนวนการตอบกลับรายวัน