2.11.12

ความหลัง...ในความทรงจำ

---รับน้องมัธยม---
สวัสดีครับ ในเรื่องราวที่จะเขียนต่อไปนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่ ความสามารถไม่โดดเด่น หน้าตาไม่ดี บางคนจึงเกิดคำถามว่าคนคนนี้มีดีอะไรบ้าง ผมก็ขอตอบอย่างเต็มปากว่าไม่รู้สิ อยากรู้ก็ต้องคบกัน อยากรู้ต้องลองคุยกัน เพราะผมคิดว่าการที่จะมาพูดว่าเราเป็นคนอย่างนี้นะ มันไม่ค่อยจะจริงเท่าไหร่ เพราะเวลาเราคุยกับใครก็ตามเราก็จะแสดงด้านๆหนึ่งออกไป ให้เหมาะกับคนคนนั้นเพราะแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน จริงมั๊ยครับ
--ปลูกป่าทำความดี(กับเขาบ้าง)--

เริ่มเลยแล้วกัน ขอแนะตัวก่อนผมชื่อว่าก้องภพ ซึ่งเป็นชื่อที่สอง ความหมายก็ตามตัวเลยครับ มีชื่อเสียงแต่ถามว่าเปลี่ยนชื่อมาแล้วแล้วมีชื่อเสียงมั๊ย ไม่นะ ก็ปกติตั้งแล้วก็ไม่เห็นจะได้เป็นดาราเลย แต่มันก็มีดีอยู่หลายอย่างเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังครับ ต่อไปก็คือชื่อเล่น ก็คือ ปอนด์ ความหมาย ไม่ได้ถามพ่อแม่ แต่รู้ว่าที่บ้านชื่อ ป. หมดทั้งบ้าน นามสกุลจรูญพงศ์ เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ..2535 ปีวอก เกิดที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี แน่นอนภูมิลำเนาต้องอยู่ที่นั่น มีพี่น้อง 2 คนรวมตัวเองด้วย ผมเป็นน้องคนสุดท้อง ที่อาจจะพูดได้ว่าเอาแต่ใจ ขี้แย ขี้อ้อน ก็ตามประสานะครับ ลูกคนเล็ก พ่อก็รับราชการเป็นตำรวจ แม่ก็ทำงานในบริษัทเอกชนเป็นสมุห์บัญชี
--ไปเชียร์บอลกับครอบครัว แต่ขาดพี่เพราะพี่อยู่ในสนาม^^---

 กลับมาเล่าเรื่องของผมดีกว่า ตอนเด็กผมก็จบระดับชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนมานิตานุเคราะห์ด้วยความที่ตอนนั้นเป็นเด็กที่ขี้เกียจมากกก จนแม่บ่น การเรียนก็ย่ำแย่ แถมตอนสอบเข้าระดับมัธยมก็สอบไม่ได้โรงเรียนที่หวังอีก ตอนนั้นเสียใจมากร้องไห้สองวันสามคืน ไม่จริงหรอกครับ ชั่วโมงเดียวร้องแล้วก็หลับไป แม่ก็บ่นให้ฟังเป็นระยะ ว่า เนี่ยไม่ตั้งใจเรียนก็เลยเป็นอย่างนี้ แล้วแม่ก็ไม่มีเงินฝากให้หรอกนะ ไปเรียนแถวบ้านแล้วกันผมก็เลยได้ไปเรียนระดับมัธยมที่โรงเรียนเมืองสุราษฎร์ธานี ซึ่งในตอนนั้นได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนที่เด็กเกเรรวมตัวกัน เอาแล้วไงหละสกลรัฐนายจะเจออะไรบ้าง สกลรัฐ? ใช่ครับ ชื่อแรก ในตอนนั้นผมไม่อยากที่ใจไปโรงเรียนนี้เลย แต่ก็ต้องไป ก็เลยให้กำลังใจตัวเอง เอาวะ เป็นไงเป็นกัน พอได้เรียนไปซักพัก ไม่เลวเลย รู้สึกตรงกันข้ามกับที่ได้ยินมา แถมยังมีเพื่อนที่ดีอีก และรักกันมากด้วย ในช่วงเวลานั้นรู้สึกสนุกที่สุด และก็ตั้งใจว่าจะต่อมัธยมปลายที่นี่ จนกระทั่ง โรงเรียนที่เคยหวังไว้ประกาศรับสมัครห้องโครงการศิลปศาสตร์… “ลูกโรงเรียนจังหวัดเค้าเปิดรับสมัครหนิ ด้านภาษาด้วย ลูกชอบหนิ ลองไปสมัครดูมั๊ย” “ไม่อ่ะแม่ ปอนด์จะต่อที่เดิม อีกอย่างปอนด์ทำข้อสอบไม่ได้หรอก” “ลองดูก็ไม่เห็นเป็นไรหนิ” “แต่…” “เชื่อแม่ผมจึงลองไปสมัครสอบดู ในใจผมคือไม่อยากไป ต้องเริ่มหาเพื่อนใหม่ ต้องปรับตัวใหม่ วุ่นวาย น่าเบื่อ อีกอย่างคือ จะทำได้หรอวะ คำถามพวกนี้ออกมาเป็นร้อยคำถามในหัวผม
--กับเพื่อนๆวัยละอ่อน--

วันสอบผมก็ได้รับพรจากคุณแม่แต่เช้า ตั้งแต่ตื่นสาย ไม่เตรียมอุปกรณ์เครื่องเขียน และอีกมากมาย แต่สายตาคู่นั้นก็เป็นสายตาที่หวังดี นึกแล้วอยากขอบคุณ คุณแม่มากกก ใช่ครับผมสอบติด ผมรู้ข่าวจากแม่ในขณะที่ผมอาบน้ำอยู่ แม่โทรเข้ามา คุณตาก็เอาโทรศัพท์มาให้แล้วบอกว่าผมสอบติดตอนนั้นผมมีหลายอารมณ์มากทั้งดีใจ ทั้งงง ทั้งอึ้ง แล้วก็เสียใจ แล้วก็เริ่มเครียดว่าทำไงดี เราต้องเจอสังคมใหม่ๆ เราจะปรับตัวได้มั๊ย แล้วเพื่อนหละ ผมก็โทรไปคุยกับเพื่อน เพื่อนก็ใส่เลย ไอ้ทรยท แต่คำด่านั้นตามมาด้วยเสียงหัวเราะ แล้วก็บอกว่าดีใจด้วย อย่าลืมติดต่อกันมาบ้าง และที่สำคัญได้ข่าวว่าที่โรงเรียนนั้นมีสวยๆเยอะ แนะนำกันบ้างหละ แล้วเพื่อนก็นัดผมไปเลี้ยงหมูกระทะ ผมก็รู้สึกดีมากที่เพื่อนก็เข้าใจ ก็ทำให้ผมหมดห่วงไปหนึ่งละ ต่อมาก็คือการปรับตัวกับโรงเรียนใหม่นั่นก็คือโรงเรียนสุราษฎร์ธานี โรงเรียนที่มีชื่อที่สุดในจังหวัด โรงเรียนที่เค้าบอกว่ามีแต่เด็กเห็นแก่ตัว เอาแต่เรียน เอาแล้วไงหละ ก้องภพนายจะทำได้มั๊ย ใช่ครับผมเปลี่ยนชื่อก่อนจะสอบเข้าที่นี่ ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าดีหลังจากการเปลี่ยนชื่อ พอผมได้เรียนผมก็ได้เจอเพื่อนใหม่ สังคมเปลี่ยนไปมั๊ย ก็ไม่นะ ก็คล้ายกับโรงเรียนเก่า ไม่เห็นเหมือนอย่างที่เค้าว่ากัน การปรับตัวช่วงแรกก็เซงๆ หลังก็ดีขึ้น เพราะแค่มีเพื่อนที่สนิทเท่านี้ผมก็อยู่ได้แล้วครับ และแล้วก้ต้องถึงช่วงเวลาสำคัญที่นักเรียน ม.6 ต้องเจอคือการต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในใจของผมอยากที่จะทำงานบนเครื่องบิน ในตอนแรกผมอยากจะเป็นนักบิน แต่ด้วยความที่เรียนสายศิลป์มาจึงไม่สามารถสอบได้ ก็มีอีกทางเลือกหนึ่งคือ สจ๊วตนั่นเอง ผมตั้งใจมากจึงได้ลองค้นหาก็เจอมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิตศูนย์หัวหิน ซึ่งจะเป็นการเรียนด้านนี้โดยตรง ด้วยสโลแกนที่ว่า ปั้นดินให้บินได้ ผมก็ไปสมัครและสอบดู …. ไม่ผ่านครับ ผมอ้วนมาก แต่ผมได้อีกโครงการหนึ่งแทนก็คือ ได้ไปเรียนที่ประเทศจีน ซึ่งผมก็จบศิลป์ภาษาจีนมา มันก็ตรงมาก และแม่ก็สนับสนุน อาจารย์ก็นัดวันรายงานตัว หลังจากนั้นผมก็มานั่งคิดว่ามันใช่ทางของเรารึป่าว แล้วผมก็คิดได้ว่าผมก็มีอีกความฝันหนึ่งคือการได้ทำงานในวงการบันเทิง อันดับหนึ่งที่ผมนึกได้คือ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วคำว่า โหหหหห ก็ตามเข้ามาในหัวผม เพราะเป็นสิ่งที่คนส่วนมากฝัน คะแนนเลยสูงมากกกก แต่ก็ลองไปสอบตรงดู ผลงานก็ไม่มี ผลสอบออกมา หัวเราะ ห้าห้าห้า น่ารัก แล้วก็มาคิดใหม่จนกระทั่งมหาวิทยลัยศรีนครินทรวิโรฒ เปิดสอบตรงผมก็ลองมาเลือกคณะดูแม่ก็หยิบบัญชีมาให้ เราก็หยิบครูเทคโนแล้วก็เลือก ก็คิดไปคิดมา ก็เลยจับฉลากติดเป็น ครูเทคโน อื้มเอาวะลองไปสอบดู คณะนี้โอเคนะ มศว ก็ต้องครูสิ เทคโนโลยีสื่อสารการศึกษา สายนิเทศสินะ ก็ชอบด้วยแถมได้วุฒิครูอีก เราก็เป็นครูได้ ตอนเด็กๆ เด็กมากๆเราก็อยากเป็นครูหนิ ลองดูละกันก็ลองไปสอบ ก่อนสอบผมก็อ่านหนังสือ ตั้งใจมาก เพราะมีหลายบทเรียนอย่างเล่ามาในตอนแรก ผลออกมาก็เป็นไปตามหวังครับ ผมสอบติด ดีใจมากถึงกับร้องไห้หน้าคอมพิวเตอร์กันสองคนแม่ลูก แล้วแม่ก็ถามว่า แล้วจีนหละ ผมก็เลยบอกว่าลองไปสอบสัมภาษณ์ดูก่อน และวันสอบสัมภาษณ์ก็มาถึงซึ่งตรงกับวันเกิดของผม ผมจำไม่ได้ว่าอาจารย์ถามอะไรผมบ้าง จำได้เพียงว่าวันนี้เป็นวันเกิดของผม ผมขอเป็นของขวัญวันเกิดได้มั๊ย แล้วผมก็ได้ของขวัญนั้นครับ ซึ่งวันที่สัมภาษณ์ผมก็ตัดสินใจได้ครับว่าผมจะเลือกที่ไหน เพราะผมได้เห็นมหาลัย ผมรู้สึกว้าววว มันใช่เลย
---เช็คยอด---

ซึ่งปัจจุบันผมก็ได้เรียนที่นี่ครับ คณะศึกษาศาสตร์ เอกเทคโนโลยีสื่อสารการศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยที่เจริญเป็นศรีสง่าแก่มหานคร ภูมิใจมาก และตอนนี้ก็อยู่ชั้นปี 2 แล้วครับ เป็นยังไงบ้างครับประวัติผม ผมว่าการที่ผมได้มาเล่าประวัติทำให้ผมได้เห็นได้ย้อนกลับไปมองถึงสังคมที่มีหลากหลายรูปแบบ ทำให้เราปรับตัวได้และอยู่เป็น เมื่อเราไปเจอสังคมใหม่ๆเราก็เหมือนมีภูมิคุ้มกันคอยบอกเราว่าเราควรวางตัวยังไง ทำให้เราอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ใช่มั๊ยหละครับ