4.2.13

การทำงานสื่อสิ่งพิมพ์


       สื่อสิ่งพิมพ์ที่ผมได้ทำในครั้งนี้เป็นสื่อการสอนรายบุคคล สำหรับสอนนักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 4 ในเรื่อง การเลือกซื้ออาหาร โดยแบ่งเป็นหัวข้อคือ การเลือกซื้อเนื้อสัตว์ การเลือกซื้อผัก การเลือกซื้อผลไม้ และการเลือกซื้ออาหารกระป๋อง โดยตั้งชื่อสื่อเล่มนี้ว่า หนูน้อยจ่ายตลาดซึ่งผมได้พูดถึงขั้นตอนการเตรียมงานไปในบล็อกที่แล้ว

       ในขั้นนี้จะพูดถึงขั้นการลงมือทำ ซึ่งหลังจากที่ผมได้มีแผนในการทำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมได้รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอินเตอร์เน็ตหรือหนังสือ ก็จะพบหลักการเลือกซื้ออาหาร ผมก็นำมากลั่นกรองและเรียบเรียงใหม่ ให้เป็นคำพูดที่เข้าใจได้ง่าย โดยจะคำนึงถึงวัยของเด็กเป็นหลัก
ขณะทำงาน (รกไปหน่อย)

       หลังจากนั้นจึงนำข้อมูลที่คัดเลือกเรียบร้อยแล้วมาจัดเรียบเรียงใน Microsoft Publisher โดยลองเริ่มทำบทแรกคือการเลือกซื้อเนื้อสัตว์ ให้เสร็จพร้อมหน้าปก ให้เป็นแนวทางสำหรับบทต่อๆ ไป และปริ้นเอ้าท์ไปให้อาจารย์ได้ลองตรวจและให้คำแนะนำว่าเราขาดตกบกพร่องอะไรบ้าง หลังจากนั้นจึงนำกลับมาแก้ไขตามที่อาจารย์บอก
บทแรก การเลือกซื้อเนื้อสัตว์

       เมื่อแก้ไขเสร็จสิ้นจึงเริ่มทำบทต่อๆไปให้เนื้อหาเสร็จก่อน หลังจากนั้นจึงเริ่มลงแบบฝึกหัด เมื่อเสร็จจึงเริ่มทำปกหลัง จากนั้นจึงเช็คเนื้อหาว่าจะเพิ่มเติมตรงไหนหรือแก้ไขยังไง พร้อมตรวจดูคำผิด หลังจากนั้นจึงเริ่มดูแบบกางสองหน้า เสมือนหนังสือก็จะทำให้รู้ว่าควรวางหน้ายังไง ต่อไปก็คือเริ่มรันเลขหน้า และลองเช็คแต่ละหน้าไปด้วย ก็เสร็จ

       เมื่อเสร็จแล้วจึงเซฟไฟล์เป็นพีดีเอฟเพื่อความเป็นสากล อ่านได้ทุกเครื่อง แล้วก็นำไปโรงพิมพ์ แล้วก็ รอ รอ และรอ ก็จะได้สื่อการสอนรายบุคคล หนูน้อยจ่ายตลาดจุดพลุ ฉลอง
ใบมัดจำของโรงพิมพ์

       การที่ได้ทำสื่อชิ้นนี้ทำให้ผมรู้จักการมองคน มองถึงความต้องการว่าเค้าต้องการอะไร อะไรเหมาะสมกับเขา การใช้คำพูด หรือการคิดข้อสอบ ก็ต้องคำนึงถึงวัย ซึ่งก็คือการสอนรอยบุคคล เพื่อความเหมาะสมและการเรียนรู้จะได้สำเร็จลุล่วง

ตามรอยการทำงานของผมกันครับ

ตามรอยการทำงานของผมกันครับ
      สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาเล่าถึงการทำงานของผมครับ ว่ามีขั้นตอนอย่างไร ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง และที่สำคัญคือได้รับอะไรจากสิ่งที่ทำ

       การทำงาน ล้วนแต่ต้องมีการวางแผน เพราะแผนก็เหมือนเป็นกรอบที่ช่วยล้อมรอบให้เราไม่ออกนอกประเด็นหรือเรื่องราวที่เราทำ อีกทั้งยังเป็นที่นำทางให้เราไปสู่จุดสำเร็จเหมือน GPS ไงครับ

      ภาพยนตร์กับการเป็นครู
      งานชิ้นนี้เมื่อพวกเราได้รับมอบหมายมาแล้ว ผม จ๋าและพร มองหน้ากันครับ หน้าทุกคนเต็มไปด้วยความสงสัย เพราะไม่มีใครเคยดู และได้ยินชื่อเรื่องภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นครั้งแรก นั่นก็คือเรื่อง GoodWill Hunting ซึ่งอาจารย์ได้ให้พวกเราไปดูและวิเคราะห์ถึงหลักการสอนของเขาออกมา พร้อมนำเสนอเพื่อนๆ หน้าชั้นเรียน
ใบปิดหนังเรื่อง Good Will Hunting

       เริ่มแรกเราก็ต้องนั่งปรึกษากันเลยครับว่าเอาไงดี ผมเลยเสนอไปว่าไปหาดูมาก่อนละกันแล้วค่อยมาคุยกัน แล้วจ๋าก็เสนอว่าเดี๋ยวเราสร้างกรุ๊ปในเฟสบุ๊คมั้ย จะได้ติดต่อกันสะดวก เวลาแชร์ฟงแชร์ไฟล์ก็ง่าย ผมนึกขอบคุณเฟสบุ๊คที่ทำให้คนอยู่ห่างกันได้อยู่ใกล้กันมากขึ้น
ภาพแสดงการสร้างกลุ่มในเฟสบุ๊ค

       หลังจากเราดูหนังเสร็จเราก็เริ่มแชร์เนื้อหาและข้อมูลที่ได้รับลงในเฟสบุ๊ค แล้วเราก็เริ่มแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน จากนั้นเราจึงนำข้อมูลดิบที่ได้มาวางแผนกระจายงานกัน จ๋าจะเป็นคนทำพาวเว่อพ้อย พรจะเป็นผู้จัดการเรียบเรียงข้อมูล ส่วนผมจะเป็นคนคัดเลือกวิดีโอแล้วนำมาตัดต่อ
เว็ปไซท์ที่พวกเราใช้ดูหนัง
พวกคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน


       เมื่อได้รับงานผมก็กลับมาดูหนังอีกครั้งพร้อมกับดูข้อมูลที่จะใช้นำเสนอ แล้วผมก็คัดเลือกตอนออกมา ว่าจะเอาตอนไหนนำเสนอบ้าง จนครบ ผมก็จัดแจงหาไฟล์ของหนังบนอินเตอร์เน็ต (ละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ดีเลย ขอโทษครับ) ซึ่งจริงๆก็มีอยู่ในเว็บหนึ่งที่ใช้ดูอยู่แล้ว แต่ไม่ชัดเอาซะเลย จนผมไปพบไฟล์หนังความชัดระดับHD ผมจึงโหลดมา แล้วทำการตัดต่อตอนที่เลือกไว้ แต่ดันมีเฉพาะภาษาอังกฤษ ทำไงดีหละทีนี้ เพื่อนๆ จะเข้าใจมั้ย ผมจึงคิดถึงการทำซับไตเติ้ล ผมก็ลองค้นวิธีทำ แต่ทำไม่ได้วุ่นวายเข้าใจยากจนตอนนั้นท้อแท้มากเลยคิดว่า ไม่ทำละดูแบบภาษาอังกฤษไปละกัน จนผมนึกขึ้นได้ผมยังไม่เข้าใจแล้วเพื่อนๆจะเข้าใจได้ยังไงกัน ผมคิดว่าก็คงจะเหมือนการสอนรายบุคคลหละมั้ง ที่ต้องคำนึงถึงผู้เรียนบลา บลา บลา เอาวะเลยใส่พากย์ไทยจากไฟล์หนังที่ไม่ชัดเลยละกัน โดยการดึงเสียงออกมาใช้ ก็เป็นอันเสร็จ
ตัดต่อตอนที่เลือกเรียบร้อยแล้ว

       หลังจากทุกคนทำงานเสร็จแล้ว จ๋าก็อัพไฟล์พาวเว่อพ้อยขึ้นบนเฟสบุ๊ค ผมก็ดูว่าควรจะเอาคลิปไหนใส่ช่วงไหน หลังจากนั้นเราจึงแบ่งหน้าที่กันพรีเซ้นว่าใครจะพรีเซ้นช่วงไหนกันบ้าง เมื่อแบ่งเสร็จทุกคนก็นำไปซ้อมในส่วนของแต่ละคน จนถึงวันพรีเซ้นก็เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการครับ

       จากที่ผมได้ทำงานชิ้นนี้ทำให้ผมได้รู้จักการวางแผนที่ดี รู้จักการนำโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คมาใช้ ได้ดูหนังสนุกๆ แถมยังได้ข้อคิดจากความเป็นครู เข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล การเข้าหาผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนไว้ใจ และเปิดรับเรื่องที่จะสอน รู้จักการแก้ปัญหาของการทำงาน รู้สึกว่าจะตัดต่อวิดีโอคล่องขึ้น(มั้ง) แต่ก็ยังมีข้อผิดพลาดให้แก้ไขเยอะเหมือนกันครับ

       งานเขียนบล็อก
       งานเขียนบล็อกเป็นงานที่ต้องใช้ความคิด การวิเคราะห์ และการคำนึงถึงผู้อ่าน ต้องใช้ความคิดว่าต้องทำอย่างไรให้น่าสนใจ ไม่ว่าจะด้วยการตกแต่ง การวางเลย์เอ้าท์ให้สวยงาม ซึ่งทั้งหมดนี้ผมทำไม่เป็นเลย จึงจะเห็นได้ว่าบล็อกของผมจะดูเรียบ ตัวหนังสือใหญ่ อ่านง่าย ซึ่งผมก็คิดว่าความเรียบง่ายหรือความคลาสสิกเป็นอะไรที่ลงตัวที่สุดแล้ว
หน้าบล็อคแสดงถึงความเป็นสัดส่วนเรียบง่าย

       เมื่อผมได้รับหัวข้อมา ผมก็ต้องนำมาวิเคราะห์ ว่าโจทย์ต้องการอะไรแล้วจึงค้นหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ หลังจากนั้นจึงนำมารวบรวมประมวลผล ลงไปในโปรแกรมMicrosoft Word เพื่อเป็นการร่างอย่างคร่าวๆ
ร่างลงไปใน Microsoft Word

       หลังจากลองร่างดูแล้วก็ถึงการขัดเกลาเนื้อหาให้อ่านง่าย และทำการเช็คตัวอักษรว่ามีผิดหรือไม่ เมื่อเช็คว่าถูกต้องดีแล้ว จึงลองค้นหาภาพที่ตรงกับเนื้อหามาสอดแทรก เพื่อเป็นการเบรกสายตาให้กับผู้อ่าน หลังจากนั้นจึงอ่านทวนอีกครั้งพร้อมเช็คย่อหน้า เว้นวรรค
หารูปมาใส่ เช็คย่อหน้า เว้นวรรค คำผิด

       เมื่อเนื้อหาที่ทำในโปรแกรม Microsoft Word เสร็จแล้วผมก็จัดการคัดลอกจากโปรแกรมมาลงบล็อก แล้วลองให้เว็ปไซท์ทดลองเผยแพร่ดูว่ามีตัวอักษรใดตกหล่นหรือซ้อนทับกันหรือไม่ หากมีก็จะแก้ไขอีกครั้ง หลังจากนั้นจึงกดเซฟและก็เผยแพร่ก็เป็นอันเสร็จ

       จากที่ผมได้ทำงานเขียนบล็อก ทำให้ผมได้รู้จักการคิด การวิเคราะห์ และการเอาใจใส่กับงาน ว่าเราต้องคำนึงถึงหลายๆจุด เพราะเราต้องเผยแพร่ให้บุคคลทั่วไปได้อ่าน ทำให้มีความรอบคอบขึ้น และจะรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้เห็นฟีดแบคกลับมาจากยอดวิวที่บล็อกรวบรวมเป็นสถิติมาให้